อย่าปล่อยให้ "ความชื้น" บิดเบือนผลการทดสอบการซึมผ่าน
- wiphaweetnvbow
- 14 พ.ค.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 2 มิ.ย.
ทำไมการควบคุมความชื้นและอุณหภูมิอย่างแม่นยำจึงสำคัญต่อการวัดค่าอัตราการซึมผ่านได้อย่างถูกต้อง
การทดสอบอัตราการซึมผ่านของวัสดุที่ไวต่อความชื้นอาจให้ผลที่คลาดเคลื่อนได้ เนื่องจากคุณสมบัติในการป้องกันการซึมผ่านของวัสดุสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามชนิดของก๊าซและระดับความชื้น ตัวอย่างเช่น วัสดุที่กันออกซิเจนได้ดี อาจไม่สามารถกันไอน้ำได้ดีเท่ากัน ด้วยเหตุนี้ ฟิล์มบรรจุภัณฑ์หลายชนิดจึงถูกออกแบบให้มี หลายชั้น (Multi-layer) โดยแต่ละชั้นทำหน้าที่ป้องกันการซึมผ่านของก๊าซแต่ละชนิดที่แตกต่างกันรวมทั้งไอน้ำ
ตัวอย่างวัสดุไวต่อความชื้น: ไนลอน (Nylon)
ไนลอนเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของวัสดุที่ไวต่อความชื้น ค่าการซึมผ่านของออกซิเจน (OTR) และไอน้ำ (WVTR) ของฟิล์มไนลอนอาจแตกต่างกันมาก ขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้ในการทดสอบ โดยเฉพาะค่า WVTR ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญหากใช้มาตรฐาน ASTM E96 หรือ ASTM F1249 ในการทดสอบ แม้ว่าทั้งสองการทดสอบจะตั้งค่า RH (ความชื้นสัมพัทธ์) ที่ เท่ากันก็ตาม เช่น 50%
สิ่งที่แตกต่างคือ วิธีการทดสอบ – ASTM E96 อาจใช้วิธี dry cup หรือ wet cup ขณะที่ ASTM F1249 ใช้เครื่องมือทดสอบที่ควบคุมความชื้นอย่างแม่นยำ วิธีที่แตกต่างกันนี้อาจทำให้เกิด ผลลัพธ์ที่ไม่สอดคล้องกันหรือเปรียบเทียบกันไม่ได้ โดยเฉพาะในวัสดุที่ไวต่อความชื้น (ดูตารางที่ 1)

ความสำคัญของการควบคุม “ความชื้นและอุณหภูมิ”
การควบคุมความชื้นและอุณหภูมิอย่างแม่นยำเป็นหัวใจสำคัญของการวัดค่าการซึมผ่านอย่างถูกต้องและสามารถทำซ้ำได้ โดยต้องมี:
อุปกรณ์วัดความชื้นสัมพัทธ์ (RH) ที่แม่นยำสูง
ระบบควบคุมและติดตามอุณหภูมิอย่างต่อเนื่อง
อุณหภูมิถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการซึมผ่านตามสมการ Arrhenius และความชื้นสัมพัทธ์ (RH) เองก็ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ดังนั้นจึงต้องควบคุมทั้งสองค่าควบคู่กันอย่างแม่นยำ
เลือกวิธีทดสอบให้เหมาะกับการใช้งานจริง
เมื่อเข้าใจลักษณะการตอบสนองของวัสดุต่อความชื้นแล้ว การเลือก วิธีทดสอบที่เหมาะสม ถือเป็นขั้นตอนสำคัญ วิธีที่เหมาะสำหรับก๊าซหนึ่งชนิด อาจไม่เหมาะกับอีกชนิดหนึ่ง การเลือกมาตรฐานที่ถูกต้อง พร้อมควบคุมสภาพแวดล้อมอย่างแม่นยำ จะทำให้ผลลัพธ์สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการป้องกันการซึมผ่านของวัสดุในสภาพใช้งานจริง ได้อย่างแท้จริง




